2010年9月10日金曜日

FF14 Open Beta

หมายเห็ด entry นี้ จขบ. แสดงความเป็น 腐男子 (fudanshi) ออกมาอย่างโจ่งแจ้งมาก กรุณาทำใจ หรือไม่ก็กดปิดไปได้เลยนะครับ (555+)






แบบว่า
วันนี้
แอบไปโหลด FF14 Open Beta มาเล่นล่ะ
กะจะลองทดสอบเครื่องดูหน่อยว่าพอไปไหวมั้ย

แต่ปรากฏว่าติดอยู่หน้าสร้างตัวละครนานมาก

เพราะ...
ว่า....



(กรุณาใส่เสียง Fanboy คลุ้มคลั่งอิอร๊างลงตรงนี้)

ตัวละครมันหล่อโฮกจริงๆ ให้ดิ้นตาย
XDDDDDDDDDDDD

นั่งลองโน่นนี่อยู่นานมาก
แบบว่าเลือกไม่ถูก มันหล่อไปหมดเลย

โดยเฉพาะรอยสักนี่แหละ ที่ว่าจะเอาไม่เอา



ไม่เอาแล้วหล่อใสมวากกกก
แต่สุดท้ายก็เอา เพราะความเท่ห์ ^w^

นั่งดูนั่งเลือกอย่างเดียวไม่พอ
แอบถ่ายวีดีโอมาด้วยล่ะ 555+



มองนานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย
อยากได้แฟนหล่อแบบนี้ซักคนจริงๆ
(ผันไปเถอะ XD)

แถมแบบ gif ไปด้วย



(เป็นเอามาก)

ตอนแรกเกือบจะเลือกสร้างเป็น Highlander ละ



สูงใหญ่ หล่อล่ำ
น่าจับกด เอ็ย เก็บไว้ดูเป็นอาหารตาอย่างยิ่ง

แต่เสียดาย ทรงผมตอนไม่ใส่หมวกไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่
เลยมาลงเอยก็พ่อหนุ่ม Midlander Hyur คนนี้แทน



แต่อนิจจา
พอลองกดเข้าเกมไป แทบเล่นไม่ได้เลย



กระตุกแบบแค่เดินยังแทบไม่ได้เลย
หมุนมุมกล้องทีนี่ตาลาย
ตัดฉากทีโหลดเป็นนาที

เพราะ...

เพราะ...

เพราะ... การ์ดจอ Notebook ผมมันไม่แรงพอ T^T

แบบว่าไปอ่านตามบอร์ด FF14 ดู
เค้าบอกว่าการ์ดจออย่างต่ำเนี่ยควรจะ Fillrate, Pixel:4+, Texture: 15+

พอไปเปิดดูรุ่นของผม (GeForce310M)
ปรากฏว่ามันแค่ 2.5 กับ 5 เอง

เสียดายจริงๆ
คอมพ์เครื่องนี้ก็เพิ่งซื้อด้วย
จะซื้อใหม่อีกก็คงต้องรออีกหลายปีเลย...



เสียดายจริงๆ ที่เกมส์มันแดกการ์ดจอเยอะไปหน่อย

ไม่งั้นก็อาจจะรอลง PS3 ปีหน้าแล้วซื้อ PS3 ซะเลย
เอามาเล่น FF13 ได้ด้วย XD
555+ ไม่ใช่ละ
มัวเล่นเกมส์เดี๋ยวจะไม่เป็นอันเรียนเอา

นั่นสินะ
ยังไงเราก็มาญี่ปุ่นเพื่อมาเรียนไม่ใช่เล่นอยู่ละ
(ถึงช่วงนี้จะเล่นเยอะไปหน่อยก็เหอะ :P)

เอาเป็นว่าตัดใจกับ FF14 เพียงเท่านี้แหละ
เนอะ


ปิดท้ายกับพ่อหนุ่มผมทองนี้อีกรูปละกัน



~<3

2010年9月7日火曜日

JLPT N2 Passed!

อยาก

บอก

ว่า

สอบวัดระดับ

N2

ที่เพิ่ง

ผ่านไป

เมื่อ

เดือน 7

ที่แล้ว

ปรากฏว่า

..

...

.....

.....ผ่านแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ワーイ♪\(^ω^\)( /^ω^)/ワーイ♪



ได้คะแนน
Vocab+Grammar 25/60 (Vocab B/Grammar B)
Reading 34/60
Listening 57/60
รวม 116/180

ผลคือ 合格(Passed) ผ่านครับ

o(∇≦o)≡(o≧∇)oィェィ☆

ซูมให้เห็นกันชัดๆ อีกรอบ
(แบบว่าเห่อ 555+)



อย่างที่เคยบ่นไปกับหลายๆ คน
ตอนที่สอบเสร็จใหม่ๆ ว่าสอบวัดระดับ N2 ใหม่นี้
ส่วน Listening มันง่ายลงกว่าของเก่าเยอะจริงๆ
(ง่ายกว่าระดับ 3 ที่สอบไปที่ไทยเมื่อธันวาที่แล้วอีก)

ผลก็ออกมาว่าคะแนน Listening เยอะตามคาด
แอบเยอะเกินคาดไปนิดนึง แต่ก็ดีใจอยู่ดี (แหงสิ)
ดูเหมือนจะเป็นตัวหลักที่ช่วยดึงคะแนนรวมให้ขึ้นมาเยอะอีกด้วย

ส่วนถ้าจะให้พูดถึง part อื่น ก็คงยากขึ้นล่ะ
เพราะถ้าเทียบกับที่สอบซ้อมข้อสอบเก่าปี 2008 ที่ทำไปวันก่อน
คะแนนมันอนาถาลงอย่างเห็นได้ชัด
คงเพราะส่วน Reading มันไปรวมกับคำศัพท์
ทำให้ต้องเร่งทำ เร่งอ่าน มานั่งชิวๆ เหมือนข้อสอบแบบเก่าไม่ได้แล้ว

พูดถึงเทียบกับแบบเก่า
สอบแบบใหม่ วิธีการคิดคะแนนก็ใหม่ตามด้วยล่ะ
ถึงจะคิดว่าน่าจะรู้กันโดยทั่วกันแล้ว
แต่ที่น่าตกใจก็คือการคิดคะแนนผ่านครับ



อันนี้เป็นตารางคิดคะแนนผ่านที่ยกมาจาก
http://www.jlpt.jp/e/guideline/results.html ครับ

จะเห็นว่า N2 เกณฑ์ผ่านต่ำกว่าชาวบ้านเค้าเลย
คะแนนผ่านคิดเป็น 50% ของคะแนนทั้งหมดเอง (เดิม 60%)
เท่ากับว่าทำให้ผ่านได้ง่ายขึ้น

..รึเปล่า?

ก็ไม่ทราบได้

เพราะที่เพิ่มมาก็คือเกณฑ์ในแต่ละส่วนย่อย
ว่าคะแนนต้องเกิน 19 (ก็คือ 20 ขึ้นไปหรือได้เกิน 1 ใน 3 นั่นเอง)

อันนี้ก็มีตัวอย่างเพื่อนในห้องเหมือนกัน ที่รับผลสอบมาพร้อมกันวันนี้
ได้คะแนนรวมเกิน 90 แต่ว่าไม่ผ่าน เพราะ Reading ได้แค่ 9/60

ข้อสอบนี้คงทำมาเพื่อดักคนที่ความรู้ภาษาญี่ปุ่นไม่รอบด้านจริงๆ นั่นแหละ
(โดยเฉพาะคนจีน เห็นได้จากข้อสอบที่ใช้คันจิน้อยลง คาตาคานะมาเป็นตับ)


ก็ถือว่าโล่งไปเปาะนึงละเนอะ
ตอนนี้ก็เหลือแต่จัดการเรื่องที่เรียนต่อปีหน้าให้เรียบร้อยเท่านั้น...

ต้องสู้!
頑張らなくちゃ!
(*・`ω´・)о゛ファイト☆彡

2010年9月5日日曜日

Radio in Japan + Yume kake uta

วันก่อนไปซื้อเครื่องเล่น mp3 มาล่ะครับ



ที่จริงก็มีทั้ง PSP แล้วก็ DS ที่เอามาเป็นเครื่องเล่น mp3 ได้อยู่แล้วนะ
แต่ว่ามันใหญ่แล้วก็ต้องหยิบมาเปิดนู่นนี่กว่าจะฟังเพลงได้อีก (แถมแบตไม่ค่อยทนด้วย)
ก็เลยคิดอยากได้เครื่องเล่น mp3 แยกมา
อารมณ์หยิบมาเดินฟังในรถไฟได้สบายๆ

นอกจากนี้เจ้าตัวนี้ยังมีวิทยุ FM แถมมาอีก
เลยกะว่าจะเอามานั่งฟังรายการวิทยุที่นี่ฝึกภาษาไปอีก

แต่พอผมกด scan หาสถานีก็พบกับความมหัศจรรย์

7 สถานี....

อะไรนะ = A ="

7 สถานี...

/กด scan อีกรอบ

7 สถานี..

ไม่จริงน่า ไม่น่าเชื่อ
ลองไปเช็คในเน็ตดูดีกว่า

ก็ลองไปเปิด Wikipedia ดู
แล้วก็พบว่า...

โตเกียวมันมีแค่ 7 สถานีจริงๆ =___="

ได้แก่
(เรียงตามความถี่น้อยไปมาก)

1. FM Inter-Wave (InterFM) 76.1 MHz
2. Open University of Japan (UD) TV 77.1 MHz*
3. Tokyo FM Broadcasting Co., Ltd (TFM) 80.0 MHz
4. J-WAVE Inc. 81.3 MHz
5. NHK-FM 82.5 MHz
6. NHK Analog CH1**
7. NHK Analog CH3**

* สถานีนี้แพร่สัญญาณทั่วเขตคันโต
** เป็นสัญญาณช่องเดียวกันกับที่ออกทีวี แค่ว่ามาแต่เสียง

เห็นแล้วก็แอบปาดเหงื่อเล็กน้อย
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าญี่ปุ่นจะมีสถานีวิทยุน้อยขนาดนี้
และได้ข่าวว่า NHK Analog จะหยุดแพร่สัญญาณปีหน้าแล้ว
สุดท้ายก็จะเหลือแค่ 5 สถานี

ที่จริงรู้สึกจะมี AM อีก 5 สถานี แต่ว่าเครื่องมันรับสัญญาณ AM ไม่ได้
(พูดจริงๆ เดี๋ยวนี้ยังมีใครเปิดวิทยุ AM ฟังกันอยู่มั่งเนี่ย)

น้อยกว่าบ้านเราเยอะมากจริงๆ

มิน่าเว็บที่ให้คนจัดรายการออนไลน์ได้เอง
อย่าง Nico Nama Housou ถึงได้รับความนิยมสุดๆ

ลองอ่านใน Wiki ทั้งหน้าภาษาอัวกฤษ ภาษาญี่ปุ่นดูแล้ว
เห็นบอกแค่ว่าเพราะการควบคุมของรัฐบาลจึงทำให้มีสถานีน้อย
แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรในประเด็นนั้นอีก
เลยลองไปถามอากู๋ต่อ ก็ไม่ค่อยได้ความอะไรมาก
นอกจากว่าวิทยุไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่านั้น

แต่ก็นะ มันก็สมควรอยู่หรอก
เพราะมีทั้งทีวีระบบ Digital ที่เข้าถึงได้ทุกครัวเรือน
แล้วก็ Internet ความเร็วสูงที่เปิดเว็บทีลื่นหัวแตก (ยกเว้นเปิดเว็บไทย)
บวกกับการที่คนขึ้นรถไฟ ไม่ก็ขี่จักรยาน แทนการขับรถกัน
ทำให้วิทยุไม่ค่อยมีความจำเป็นสำหรับคนญี่ปุ่นนัก

แอบตกใจเหมือนกัน
ตอนแรกนึกว่าจะจูนทีขึ้นมาเป็นตับ
เลือกฟังไม่หวัดไม่ไหวแบบวิทยุบ้านเราซะอีก
แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเลือกมาก
มันก็มีมาให้แค่นี้ล่ะ 555+



พูดย้อนกลับไปถึงเครื่องเล่น mp3 ที่ซื้อมา
พอมีเครื่องเล่น mp3 แล้ว ช่วง 2-3 วันก่อนก็เลยนั่งเลือกเพลงลงเครื่อง
ปรากฏว่าหลังจากหลังจากคอมพ์เก่า HDD เจ๊งไป
ก็ไม่ค่อยได้โหลดเพลงลงเครื่องเลย (ฟังออนไลน์ตลอด)
เลยนั่งเปิด mylist เก่าๆ นั่งโหลดเพลงลงเครื่องใหญ่เลย

แล้วก็ไปเตะตาเพลงนี้เข้าครับ

夢懸歌 (yume kake uta)
http://www.nicovideo.jp/watch/sm10855761


http://www.youtube.com/watch?v=1htcqz1LQx0

เพิ่งกด mylist ไปได้ไม่นานนี้เอง
ตอนนั้นก็ไม่ค่อยติดหูมากเท่าไหร่
แต่คราวนี้มานั่งฟัง แล้วก็อ่านเนื้อเพลงไปด้วย
ก็รู้สึกประทับใจเพลงนี้มากๆ เลยครับ

**เพลงนี้ขอแปลเป็นท่อนๆ เอานะครับ
เพราะภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่นเรียงประโยคไม่เหมือนกัน**



夢懸歌
yume kake uta
เพลงเดิมพันฝัน

Composed by イントロP (IntroP)
Title Name by Ten
Original by KAITO
Covered by terry (mylist/11341776)

甘く思い出 くゆらせば
蘇るのは 故郷の
夜明け
amaku omoide kuyuraseba
yomigaeru no wa kokyou no
yoage
ความทรงจำอันหอมหวาน
ที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ยามฉันสูบยาสูบ
คือรุ่งเช้าแห่งบ้านเกิดของฉัน

涙の玉に たゆたうのは
小川に揺らぐ 魚の尾鰭
幼い僕の 目玉の中には
あの春の日の
山の野花
namida no tama ni tayutau no wa
kogawa ni yuragu sakana no ohire
osanai boku no medama no naka ni wa
ano haru no hi no
yama no nobana
หยดน้ำตาที่ไหลรินลงมานั้น
คือครีบและหางของปลาที่สั่นไหวอยู่ในลำธาร
สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาอันเยาว์วัยของฉันนั้นก็คือ
ภูเขาและทุ่งดอกไม้
ในฤดูใบไม้ผลิวันนั้น

音の数々を枕木に
東へ 東へ 此処まで来た
出逢い 廻り 別れ 歌い
この声は 何処まで
届くのだろう
oto no kazukazu wo makuragi ni
hikashi e hikashi e koko made kita
deai meguri wakere utai
kono koe wa doko made
todoku no darou
เสียงจำนวนมากมาย ดังมาจากไม้หมอนรถไฟ
สู่ทางตะวันออก สู่ทางตะวันออก มาจนถึงที่นี่
ได้พบเจอ วนเวียน และลาจาก แล้วฉันก็ร้องเพลง
เสียงเสียงนี้ จะถูกส่งไปถึง
ที่ใดกันนะ

煙の苦味 憶えてなお
想いの糸は 断ち切れず
kemuri no nigami oboete nao
omoi no ito wa tachikirezu
รสขมของควันยาสูบ ยิ่งทำให้ฉันจำได้มากขึ้น
สายใยแห่งความทรงจำนั้นไม่อาจตัดมันให้ขาดลงไปได้

夜更けの静寂 彩るのは
溜息のような 不如帰
大人の僕の 胸の奥には
未だ 燃える
幼き夢
yofuke no shijima irodoru no wa
tameiki no you na hototogisu
otona no boku no mune no oku ni wa
imada moeru
osanaki yume
สิ่งที่เติมแต่งความเงียบสงัดของยามดึกนั้นก็คือ
เสียงนกกาเหว่าที่ฟังคล้ายเสียงถอนหายใจ
ในเบื้องลึกของอกของฉันที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น
ยังมีความฝันแบบเด็กๆ
ที่ยังลุกโชติช่วงอยู่

音の数々をこの轍に
刻み 刻み 此処まで来た
咲き 乱れ 散り 結び
この声は 何を
紡ぐのだろう
oto no kazukazu wo kono wadachi ni
kizami kizami koko made kita
saki midare chiri musubi
kono koe wa nani wo
tsumugu no darou
เสียงจำนวนมากมาย ดังมาจากวงล้อรถนี้
กรีดเป็นทาง กรีดเป็นทาง มาจนถึงที่นี่
ผ่านช่วงเวลาเบ่งบาน สับสน ร่วงโรย และสานสัมพันธ์
เสียงของฉันนี้
จะก่อกำเนิดให้อะไรขึ้นมากันนะ

音の数々が泡のように
集まり 集まり 流れ往く
奏で 震え 重ね 繋ぎ
この想いよ いつか
故郷へ
oto no kazukazu ga awa no you ni
atsumari atsumari nagareyuku
kanade furue kasane tsunagi
kono omoi yo itsuka
furusato e
เสียงจำนวนมากมาย เปรียบดั่งฟองสบู่
มารวมตัวกัน มารวมตัวกัน แล้วก็หลั่งไหลไป
ทั้งเล่น ทั้งร้อง มารวมตัวกัน และเชื่อมต่อกัน
ความรู้สึกนี้ สักวันหนึ่ง
คงส่งกลับไปถึงบ้านเกิดของฉันได้

音の数々を枕木に
東へ 東へ 此処まで来た
出逢い 廻り 別れ 歌い
この想いよ いつか
故郷へ
oto no kazukazu wo makuragi ni
hikashi e hikashi e koko made kita
deai meguri wakere utai
kono omoi yo itsuka
furusato e
เสียงจำนวนมากมาย ดังมาจากไม้หมอนรถไฟ
สู่ทางตะวันออก สู่ทางตะวันออก มาจนถึงที่นี่
ได้พบเจอ วนเวียน และลาจาก แล้วฉันก็ร้องเพลง
ความรู้สึกนี้ สักวันหนึ่ง
คงส่งกลับไปถึงบ้านเกิดของฉันได้



/ฟังจบก็กดฟังซ้ำอีกรอบ XD

สิ่งที่ประทับใจอย่างแรกเพลงนี้ก็คือเสียงของคุณ terry ครับ
ที่ฟังยังไงก็เหมือนเสียง Vocaloid KAITO จริงๆ
(จนขนาดบาง video ของคุณ terry มีคนใส่ tag KAITO-Append มาให้)
นอกจากนี้คุณ terry ยังใส่คอรัสโดยใช้คู่ต่ำ (-3) แทนที่จะใช้คู่สูง (+3) แบบต้นฉบับ
ทำให้ได้ความรู้สึกอบอุ่น และหนักแน่น เข้ากับทำนองเพลงมาก
ประกอบกับเพลงที่เร่งจังหวะขึ้นตรงท่อน Oto no kazukazu
ทำให้ฉุดอารมณ์ได้สุดๆ ไปเลยครับ (MV ก็จังหวะเข้ากันสุดยอด)

สิ่งที่ประทับใจอย่างที่สองกับเพลงนี้ก็คือการเล่นคำครับ
จะเห็นว่าในเนื้อเพลงใช้ verb รูป ます เยอะมาก
(เช่นท่อน 出逢い 廻り 別れ 歌い)
ซึ่งอันนี้ถ้าเปิด dic ตามปกติส่วนใหญ่จะเป็น noun ของ verb นั้นๆ
(เช่น 出逢い ก็คือการพบกัน มาจาก verb 出逢う พบกัน)
แต่ที่จริงมันเป็นการเขียน verb รูป て ให้สวยขึ้นเฉยๆ ครับ
(เช่น 出逢い ก็คือ 出逢って แต่เขียนในรูปทางการ)
แต่ก็ใช่ว่าจะใช่รูปนี้ได้กับทุก て มันก็ไม่ใช่อีก มันมีหลักของมัน

อันนี้ฟังมาจากอาจารย์เมื่อเทอมที่แล้วนะครับ
เห็นเค้าบอกว่าตามหลัก grammar มันก็เหมือนกันทั้งสองแบบแหละ
แต่การใช้ verb รูป て ลงท้ายวลีมันฟังดูเด็กๆ ไม่ professional
จึงต้องเขียนให้มันหรูขึ้น โดยใช้รูป ます ที่ทำหน้าที่คล้าย noun มาเชื่อมประโยคแทน
จะสังเกตุว่า text และเอกสารวิชาการส่วนใหญ่จะเขียนกันในรูปนี้หมดเลย
(หนังสือเรียนผมก็เป็น อาจารย์ก็ไม่สอนด้วยถ้าไม่สงสัยละถามเอง)

แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมชอบภาษาญี่ปุ่นล่ะ
ไอ้ความที่มันดิ้นได้ ไม่มีกรอบตายตัว แต่ก็ยังดิ้นอยู่ในกฏเกณฑ์ สามารถอธิบายได้
จะวิบัติก็วิบัติอย่างมีหลักการ (ม่ายเหมือนพาสาแถวแถวนี้เรยเนอะ งุงิงุงิ อิอิ)
/โดนตบ

อะแฮ่ม..
กลับมาที่เรื่องการเล่นคำต่อ

นอกจากรูป verb ที่พูดถึงไปเมื่อกี้
ก็ยังมีการเล่นคำอีกอันนึงที่ผมชอบมากๆ เลย
คือการออกเสียงคำว่า 故郷 ทั้งสองแบบในเพลงเดียวกัน

故郷 สามารถอ่านได้ว่า furusato หรือ kokyou ได้ทั้งคู่
และความหมายก็แปลว่าบ้านเกิดได้เหมือนกันทั้งคู่
(แต่ส่วนใหญ่จะใช้ furusato กันมากกว่า
และนอกจากนี้ furusato ยังเขียนเป็น 古里 ได้อีกแบบอีก)

แน่นอนว่าคันจิสำหรับชาวต่างด้าวอย่างเราๆ ย่อมเป็นของที่ไม่ค่อยคู่กัน
แต่มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาษาญี่ปุ่น ที่หาไม่ได้ในภาษาอื่นเหมือนกัน
สำหรับผมก็คงอยากเรียนต่อไปเรื่อยๆ ล่ะครับ ฮะๆ

กลับมาที่เรื่องความประทับใจกันต่อ (ช่วงนี้เขียนออกนอกฝั่งบ่อยจริง = w =)
สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งกับเพลงนี้ก็คือความหมายของเพลงครับ
เนื้อหาของเพลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายผู้หนึ่งที่เดินทางจากบ้านเกิดของตนเองมา
เพื่อมาตามหาชื่อเสียงในเมืองใหญ่ แล้วก็ร้องเพลงรำลึกถึงบ้านเกิดที่จากมาก
แอบเป็นเนื้อหาเดียวกับเพลง Fire◎Flower เลย
ที่จริง มันก็แอบเป็นเนื้อหาของคนหลายๆ คนจำนวนมากเลยล่ะ

ทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
เพื่อมาตามหาฝันอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ โอกาส หรือชื่อเสียงเงินทอง

แต่ไม่ว่าจะจากบ้านมาไกลแค่ไหน
สิ่งที่สำคัญที่สุด
ก็คือการไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง
เช่นเดียวกับต้นไม้
ถ้าเราไม่เหลียวแลรากของเราเอง
แล้วเราจะเติบโตเป็นต้นไม้สูงใหญ่ได้อย่างไร

เนอะ ^_^